การตลาดแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจคุณ Inbound vs Outbound Marketing คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Inbound VS Outbound Marketing ทำการตลาดแบบไหน เหมาะกับธุรกิจคุณ ?
ในยุค 4.0 แบบนี้ การโปรโมทธุรกิจ โปรโมทสินค้า นับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบันต่างก็มีเทคนิคและกลยุทธ์มากมายที่มีให้เลือกใช้ โดยการทำการตลาดที่หลายคนคุ้นเคยจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ INBOUND MARKETING และ OUTBOUND MARKETING เมื่อกลุ่มลูกค้าต่างก็มีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม การใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปดูพร้อมๆ กันว่า ระหว่าง INBOUND MARKETING และ OUTBOUND MARKETING ควรทำการตลาดแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
INBOUND MARKETING คืออะไร เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
สำหรับ INBOUND MARKETING เป็นเทคนิคการทำการตลาดแบบดึงดูดลูกค้า ให้ลูกค้าเกิดความสนใจอยากที่จะเข้ามาหาเราเอง ผ่านการโปรโมทผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยสามารถทำได้โดยการสร้างคอนเทนต์ ข้อมูล รูปภาพที่น่าสนใจ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและอยากจะเข้ามาหาเราเอง
สำหรับธุรกิจที่เหมาะกับการทำ INBOUND MARKETING ได้แก่
• ธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, โรงงานผลิต, อาคารสำนักงาน เป็นต้น
• ธุรกิจแบบ High-involvement ที่สินค้ามีความซับซ้อน เช่น สินค้าและบริการทางการแพทย์และสุขภาพ, การเงินและธนาคาร, การศึกษา เป็นต้น
• ธุรกิจที่สินค้ามีมูลค่าสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์, เครื่องประดับ
OUTBOUND MARKETING คืออะไร เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
OUTBOUND MARKETING คือ การตลาดอีกรูปแบบ ซึ่งตรงข้ามกับ INBOUND ที่แปลว่าดึงดูดเข้ามา การตลาดแบบ OUTBOUND MARKETING จึงเน้นการสื่อสารลูกค้าออกไปแบบวงกว้าง หรือทำการซื้อพื้นที่สื่อโฆษณาต่างๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าหลายกลุ่มสามารถรับรู้ข่าวสารได้เช่นกัน ส่วนมากจะใช้ในกรณีเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารออกไปยังกลุ่มเป้าหมายได้แบบจำนวนมาก แถมยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี
สำหรับธุรกิจที่เหมาะกับการทำการตลาดแบบ OUTBOUND MARKETING เรียกได้ว่าแทบทุกธุรกิจนั้นเหมาะสมที่จะทำการตลาดในรูปแบบนี้ โดยเฉพาะการต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ เพื่อเร่งยอดขายให้มากยิ่งขึ้น
ทั้ง INBOUND MARKETING และ OUTBOUND MARKETING ล้วนมีจุดเด่นในแบบตัวมันเอง อยู่ที่วิธีการเลือกใช้ให้เข้ากับธุรกิจของคุณ หรือจะใช้ทั้ง 2 เทคนิคพร้อมกันก็นับได้ว่าเป็นการสร้างรากฐานที่ดีอย่างมั่นคง และเป็นประโยชน์ในระยะยาว
ถ้าหากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำการตลาดที่เหมาะกับธุรกิจ Bartercard เป็นอีกวิธีในการทำให้สินค้าเป็นรู้จักมากยิ่งขึ้นด้วยเครือข่ายของสมาชิกที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ จับคู่พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม ทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้รายละเอียดของสินค้าและบริการ ซึ่ง Bartercard ยินดีให้คำแนะนำ และพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับผู้ประกอบการได้มีช่องทางการนำเสนอสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น